top of page

โดย มารุต มโนรัตน์

เมื่อร้านนวดหรือหมอนวดถูกฟ้องเรื่อง Sexual Harassment ควรทำอย่างไร?

 

หากร้านนวดหรือหมอนวดถูกฟ้องร้องเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Harassment หรือ Sexual Misconduct) จำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากข้อกล่าวหาประเภทนี้อาจส่งผลร้ายแรงทั้งในด้านกฎหมาย ชื่อเสียง และธุรกิจ

 

1. ดำเนินการทางกฎหมายทันที

 

✅ อย่าตอบสนองทันทีด้วยอารมณ์ → ควรตั้งสติและหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือแก้ตัวโดยตรงกับผู้กล่าวหา

✅ ติดต่อทนายความ ที่เชี่ยวชาญด้านแรงงานและคดีล่วงละเมิดทางเพศทันที

✅ ตรวจสอบเอกสารและหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้องวงจรปิด, ข้อตกลงการให้บริการ, ประวัติลูกค้า และพยานที่เกี่ยวข้อง

✅ ห้ามทำลายหรือแก้ไขหลักฐาน → การลบข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงเอกสารอาจทำให้ถูกกล่าวหาว่ามีเจตนาไม่ดี

 

2. แจ้งบริษัทประกัน (ถ้ามี)

 

หากร้านหรือหมอนวดมีประกันประเภท Employment Practices Liability Insurance (EPLI) หรือ Professional Liability Insurance ที่ครอบคลุมกรณี Sexual Harassment ให้แจ้งบริษัทประกันทันที

 

📌 สิ่งที่ประกันอาจคุ้มครอง:

• ค่าทนายความ

• ค่าดำเนินคดีในศาล

• ค่าชดเชย (ถ้าศาลตัดสินว่ามีความผิด)

• การไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณี

 

3. ดำเนินการภายในร้าน (สำหรับเจ้าของร้าน)

 

✅ สอบสวนเหตุการณ์อย่างเป็นกลาง

• ถ้ามีข้อร้องเรียนเกิดขึ้นภายในร้าน ควรมีการสอบสวนโดยบุคคลที่เป็นกลาง เช่น HR หรือที่ปรึกษากฎหมายภายนอก

• หากหมอนวดเป็นพนักงาน ควรให้โอกาสทั้งสองฝ่ายได้ให้ข้อมูล

✅ แยกพนักงานออกจากการทำงาน (ถ้าจำเป็น)

• หากข้อกล่าวหารุนแรง อาจพิจารณาให้หมอนวดที่ถูกกล่าวหาหยุดงานชั่วคราว (Administrative Leave)

✅ เตรียมมาตรการป้องกันเพิ่มเติม

• จัดอบรมเรื่อง Sexual Harassment ให้พนักงาน

• ปรับปรุงนโยบายของร้าน เช่น การกำหนดขอบเขตการสัมผัสลูกค้า

• ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เหมาะสม (ยกเว้นในห้องนวด)

 

4. หากต้องไปศาล ควรทำอย่างไร?

 

✅ ปฏิบัติตามคำแนะนำของทนาย → ไม่ควรให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวเอง

✅ เตรียมพยานและหลักฐาน → เช่น ข้อความแชท, รีวิวจากลูกค้าคนอื่น, นโยบายร้าน, วิดีโอจากกล้องวงจรปิด

✅ หลีกเลี่ยงการพูดถึงคดีในที่สาธารณะหรือโซเชียลมีเดีย → อาจถูกใช้เป็นหลักฐานในศาล

 

5. กรณีไกล่เกลี่ยหรือยอมความ

 

บางคดีสามารถ เจรจาไกล่เกลี่ย ได้โดยไม่ต้องขึ้นศาล ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อชื่อเสียงของร้านและลดค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย

 

📌 สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการไกล่เกลี่ย:

• ความแข็งแกร่งของหลักฐาน

• ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีหากขึ้นศาล

• ผลกระทบต่อชื่อเสียงของธุรกิจ

 

6. ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในอนาคต

 

✅ จัดอบรมให้หมอนวดและพนักงานเรื่อง Sexual Harassment เป็นประจำ

✅ ใช้แบบฟอร์มยินยอมรับบริการ (Consent Form) สำหรับลูกค้า

✅ ติดตั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เหมาะสม

✅ กำหนดนโยบายให้ชัดเจนเรื่องขอบเขตการให้บริการ

 

สรุป

• ติดต่อทนายทันที และหลีกเลี่ยงการตอบโต้ด้วยอารมณ์

• แจ้งบริษัทประกัน (ถ้ามี) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง

• เก็บหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม

• หากเป็นเจ้าของร้าน ควรสอบสวนข้อกล่าวหาอย่างเป็นกลาง

• หลีกเลี่ยงการพูดถึงคดีในที่สาธารณะหรือโซเชียลมีเดีย

• พิจารณาเจรจาไกล่เกลี่ยหากเป็นไปได้

• วางมาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

หากจัดการอย่างถูกต้อง จะช่วยลดผลกระทบต่อธุรกิจและปกป้องชื่อเสียงของทั้งร้านและหมอนวด

วิธีป้องกันการฟ้องร้องเรื่อง Sexual Harassment สำหรับร้านนวดและหมอนวด

 

การป้องกันปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Harassment) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับร้านนวดและหมอนวด เพราะข้อกล่าวหาประเภทนี้อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงทั้งด้าน ชื่อเสียง, กฎหมาย, และธุรกิจ

1. กำหนดนโยบายและกฎระเบียบที่ชัดเจน

 

✅ กำหนดนโยบาย “ศูนย์การล่วงละเมิดทางเพศ” (Zero Tolerance Policy)

• เขียนกฎระเบียบเป็นลายลักษณ์อักษรและให้พนักงานทุกคนรับทราบ

• มีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม, การสัมผัสที่ต้องห้าม, และการพูดคุยที่ไม่เหมาะสม

✅ ให้พนักงานทุกคนเซ็นรับทราบนโยบาย

• ควรมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร และให้พนักงานใหม่เซ็นรับทราบ

• อาจรวมถึงหมอนวดที่เป็น พนักงานประจำ หรือ ผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor)

✅ ตั้งช่องทางร้องเรียนที่ปลอดภัย

• ควรกำหนด บุคคลหรือทีมงานที่รับเรื่องร้องเรียน และให้มีระบบสอบสวนที่เป็นธรรม

• ลูกค้าและพนักงานควรมีช่องทางแจ้งเหตุหากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสม

 

2. ฝึกอบรมพนักงานและหมอนวดเป็นประจำ

 

✅ จัดอบรมเรื่อง Sexual Harassment ให้พนักงานทุกคน

• ควรจัดอบรม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ให้กับทั้งพนักงานและหมอนวด

• สอนให้พนักงานรู้จัก ขอบเขตการให้บริการที่เหมาะสม

✅ ให้หมอนวดเรียนรู้การปฏิเสธลูกค้าที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

• ฝึกให้หมอนวดพูดปฏิเสธอย่างสุภาพ เช่น

• ❌ “ขออภัยค่ะ/ครับ นี่ไม่ใช่บริการของร้านเรา”

• ❌ “หากคุณมีคำขอที่ไม่เหมาะสม ฉันจำเป็นต้องหยุดการนวดทันที”

✅ สอนพนักงานให้รู้จักพฤติกรรมเสี่ยง

• ไม่ควรแสดงความคิดเห็นเรื่องเพศ หรือเล่นมุกตลกที่ไม่เหมาะสม

• หลีกเลี่ยงการนวดในลักษณะที่อาจถูกตีความผิด

3. ใช้มาตรการป้องกันภายในร้าน

 

✅ ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่ที่เหมาะสม

• ควรติดตั้งกล้องบริเวณ ทางเข้า-ออก, เคาน์เตอร์, และโถงนั่งรอ

• ห้ามติดกล้องในห้องนวด เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

✅ ใช้แบบฟอร์มยินยอมรับบริการ (Consent Form)

• ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มก่อนรับบริการ เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจขอบเขตของบริการ

• ควรระบุชัดเจนว่าการสัมผัสในบางจุดเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัด แต่ไม่มีการล่วงละเมิด

✅ กำหนดระเบียบการแต่งกายของหมอนวด

• ควรสวมเสื้อผ้าที่สุภาพและเป็นมืออาชีพ หลีกเลี่ยงชุดที่รัดรูปหรือเปิดเผยมากเกินไป

✅ มีพนักงานเพศเดียวกันให้บริการเมื่อลูกค้าร้องขอ

• บางร้านอาจให้ลูกค้าเลือกเพศของหมอนวด เพื่อลดความเสี่ยงของความเข้าใจผิด

 

4. ควบคุมพฤติกรรมของลูกค้า

 

✅ กำหนดกฎสำหรับลูกค้า และแจ้งให้ทราบก่อนรับบริการ

• ควรติดประกาศชัดเจนว่า “ห้ามขอหรือกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม”

• หากลูกค้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หมอนวดมีสิทธิ์หยุดการนวดทันที

✅ ฝึกหมอนวดให้สังเกตพฤติกรรมเสี่ยงของลูกค้า

• ลูกค้าที่พยายาม พูดจาไม่เหมาะสม, ขอสัมผัสหมอนวด, หรือเสนอเงินพิเศษเพื่อบริการที่ผิดกฎ ควรถูกแจ้งเตือนหรืองดให้บริการ

✅ ให้ร้านมีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้าที่ไม่เหมาะสม

• ร้านควรกำหนดแนวทางการปฏิเสธลูกค้า เช่น

• ❌ หากลูกค้าพยายามขอ “บริการพิเศษ” → หยุดบริการและแจ้งเจ้าของร้าน

• ❌ หากลูกค้ากระทำอนาจาร → แจ้งตำรวจหรือแบนจากร้าน

 

5. ทำประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

✅ ทำประกันที่ครอบคลุม Sexual Harassment

• สำหรับร้านนวด: ควรทำ Employment Practices Liability Insurance (EPLI)

• สำหรับหมอนวด: ควรทำ Professional Liability Insurance หรือ Sexual Misconduct Insurance

✅ ตรวจสอบว่าประกันครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายหรือไม่

• หากเกิดเหตุฟ้องร้อง ประกันบางประเภทสามารถช่วยจ่ายค่าทนายและค่าดำเนินคดี

 

6. มีขั้นตอนรับมือหากเกิดเหตุร้องเรียน

 

✅ ตั้งทีมสอบสวนข้อร้องเรียนภายในร้าน

• หากมีข้อกล่าวหา ควรมีการสอบสวนอย่างโปร่งใส และดำเนินการอย่างยุติธรรม

• ควรมีเอกสารบันทึกข้อเท็จจริงทั้งหมด

✅ ถ้ามีการร้องเรียนจากลูกค้า ให้ดำเนินการอย่างจริงจัง

• ควรสอบถามข้อมูลและเก็บหลักฐาน เช่น วิดีโอกล้องวงจรปิด หรือพยานแวดล้อม

• ห้ามเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียน เพราะอาจทำให้ลูกค้าฟ้องร้องร้านได้

✅ หากมีการฟ้องร้อง ให้ติดต่อทนายทันที

• ควรเลือกทนายที่มีประสบการณ์ด้านคดีล่วงละเมิดทางเพศหรือแรงงาน

 

สรุปแนวทางป้องกันการฟ้องร้องเรื่อง Sexual Harassment

 

🔹 สิ่งที่ร้านนวดควรทำ

 

✅ กำหนด นโยบายป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ อย่างชัดเจน

✅ ติดตั้ง กล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เหมาะสม (ยกเว้นห้องนวด)

✅ ใช้ Consent Form และแจ้งลูกค้าเรื่องขอบเขตบริการ

✅ มี ประกัน EPLI หรือ General Liability เผื่อกรณีถูกฟ้องร้อง

✅ ฝึกอบรมพนักงานเป็นประจำ และตั้งช่องทางร้องเรียน

 

🔹 สิ่งที่หมอนวดควรทำ

 

✅ แต่งกายสุภาพและมีขอบเขตที่ชัดเจนกับลูกค้า

✅ ฝึกพูดปฏิเสธเมื่อลูกค้ามีคำขอที่ไม่เหมาะสม

✅ หลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือสัมผัสที่อาจทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด

✅ ทำ Professional Liability Insurance เพื่อป้องกันตนเอง

 

🔹 สิ่งที่ควรมีในร้าน

 

✅ ป้ายแจ้งกฎระเบียบ ชัดเจนว่าห้ามขอ “บริการพิเศษ”

✅ นโยบายปฏิเสธลูกค้า ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

✅ แบบฟอร์มรับเรื่องร้องเรียน สำหรับลูกค้าและพนักงาน

 

🔥 หากป้องกันได้ดี ธุรกิจร้านนวดจะมีความปลอดภัยขึ้น ลดความเสี่ยง และสร้างความมั่นใจให้กับทั้งพนักงานและลูกค้า

©2025 by Nuad Thai and Spa Association of America

bottom of page