top of page

โดย มารุต มโนรัตน์

การรับมือเมื่อเกิดการฟ้องร้อง

 

หากร้านนวดหรือหมอนวดถูกฟ้องร้องจากกรณีใด ๆ เช่น อุบัติเหตุ, การบาดเจ็บของลูกค้า, หรือข้อพิพาททางกฎหมาย ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยงและปกป้องสิทธิ์ของตนเอง

1. ตั้งสติและอย่าตอบโต้ทันที

• อย่าพูดหรือโพสต์อะไรเกี่ยวกับกรณีนี้ในที่สาธารณะหรือบนโซเชียลมีเดีย

• หลีกเลี่ยงการโต้แย้งกับลูกค้าโดยตรง เพราะอาจใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล

• รวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการต่อ

 

2. ตรวจสอบเอกสารการฟ้องร้อง

• หากได้รับ จดหมายแจ้งข้อกล่าวหา (Demand Letter) หรือ หมายศาล (Summons and Complaint) ให้อ่านเอกสารอย่างละเอียด

• ตรวจสอบว่าคุณถูกฟ้องในประเด็นใด เช่น

✅ อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บของลูกค้า

✅ ข้อพิพาทเกี่ยวกับบริการ

✅ การจ้างงานและแรงงาน (กรณีหมอนวดฟ้องร้าน)

• ตรวจสอบกำหนดเวลาตอบกลับ (ปกติ 30 วันในแคลิฟอร์เนีย) หากไม่ตอบกลับ อาจเสียเปรียบทางกฎหมาย

 

3. แจ้งบริษัทประกัน (หากมีประกันที่เกี่ยวข้อง)

• ติดต่อบริษัทประกันที่เกี่ยวข้องทันที เช่น

✅ General Liability Insurance – กรณีลูกค้าลื่นล้ม หรือได้รับบาดเจ็บ

✅ Professional Liability Insurance (Malpractice Insurance) – กรณีลูกค้าอ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากการนวด

✅ Workers’ Compensation Insurance – กรณีหมอนวดได้รับบาดเจ็บและฟ้องร้องเรียกค่าชดเชย

• บริษัทประกันอาจจัดหาทนายความให้ หรือช่วยเจรจาข้อตกลงชดเชย

 

4. รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

• เก็บ ใบแจ้งหนี้ บันทึกบริการนวด ข้อความโต้ตอบกับลูกค้า และวิดีโอจากกล้องวงจรปิด (หากมี)

• ถ่ายภาพจุดเกิดเหตุ (เช่น พื้นลื่น, อุปกรณ์ที่ใช้)

• หากเป็นข้อพิพาทเรื่องการจ้างงาน ควรรวบรวม สัญญาจ้างงานหรือข้อตกลงผู้รับจ้างอิสระ

 

5. ปรึกษาทนายความ

• หากได้รับหมายศาล หรือถูกฟ้องเป็นเงินจำนวนมาก ควรปรึกษาทนายทันที

• หากมีประกัน ควรให้ทนายที่บริษัทประกันจัดหาเป็นตัวแทน

• หากไม่มีประกัน อาจต้องจ้างทนายความด้านกฎหมายธุรกิจหรือกฎหมายแรงงาน

 

6. หาทางเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงศาล (ถ้าเป็นไปได้)

• หากคดีไม่ร้ายแรง อาจลองเจรจากับฝ่ายตรงข้ามเพื่อหาทางออก เช่น คืนเงินบางส่วนหรือเสนอส่วนลด

• การตกลงกันนอกรอบอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและหลีกเลี่ยงกระบวนการศาลที่ใช้เวลานาน

 

7. หากต้องขึ้นศาล ให้เตรียมตัวให้ดี

• ให้ทนายเป็นผู้แทน และเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบ

• หลีกเลี่ยงการพูดในสิ่งที่อาจใช้เป็นหลักฐานให้ตัวเองเสียเปรียบ

• ปฏิบัติตามคำแนะนำของทนาย และใช้สิทธิ์ตามกฎหมายของตนเอง

 

สรุปแนวทางปฏิบัติเมื่อถูกฟ้องร้อง

 

✅ อย่าตอบโต้ทันที → ตั้งสติและอ่านเอกสารให้ละเอียด

✅ ตรวจสอบประกัน → แจ้งบริษัทประกันเพื่อขอความช่วยเหลือ

✅ รวบรวมหลักฐาน → บันทึกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคดี

✅ ปรึกษาทนาย → ถ้ามีหมายศาลหรือเรื่องซับซ้อน ให้ทนายเป็นผู้ช่วย

✅ ลองเจรจานอกรอบ → หากเป็นไปได้ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาขึ้นศาล

✅ เตรียมตัวให้พร้อมหากต้องขึ้นศาล → ปฏิบัติตามคำแนะนำทางกฎหมาย

 

การมี ประกันที่เหมาะสม และ ระบบเอกสารที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การป้องกันตัวเองง่ายขึ้นหากเกิดการฟ้องร้อง

 

การป้องกันการฟ้องร้องทั้งสำหรับร้านนวดและหมอนวดเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น วิธีป้องกันสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) การปฏิบัติตามกฎหมาย, (2) การจัดทำเอกสารให้รอบคอบ, (3) การบริหารความปลอดภัย และคุณภาพบริการ, และ (4) การทำประกันคุ้มครอง

 

1. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ

 

การทำให้ธุรกิจอยู่ในกรอบของกฎหมายช่วยลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้อง

 

✅ 1.1. จดทะเบียนธุรกิจให้ถูกต้อง

• จดทะเบียนธุรกิจเป็น LLC หรือ Corporation เพื่อป้องกันความรับผิดส่วนตัว

• มีใบอนุญาตประกอบกิจการนวดที่ถูกต้องตามกฎหมายท้องถิ่น

 

1.2. ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน (สำหรับร้านนวดที่มีพนักงาน)

• หากจ้างหมอนวดเป็นพนักงาน (Employee) ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ, ประกันแรงงาน, และสวัสดิการตามกฎหมาย

• หากใช้หมอนวดเป็นผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor) ต้องมีสัญญาที่ชัดเจนและไม่ควบคุมการทำงานมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายใต้กฎหมาย AB5

 

1.3. ปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัว

• หากเก็บข้อมูลลูกค้า ควรมีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

• หากใช้ระบบจองออนไลน์ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล

 

2. จัดทำเอกสารให้รอบคอบ

 

การมีเอกสารที่ถูกต้องช่วยป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคต

 

2.1. ใช้ “แบบฟอร์มยินยอมรับบริการ” (Client Intake Form & Consent Form)

• ให้ลูกค้ากรอกข้อมูลสุขภาพก่อนเข้ารับบริการ

• แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงของการนวด

• ลงนามยินยอมก่อนให้บริการ เพื่อป้องกันการฟ้องร้องกรณีลูกค้าอ้างว่าไม่ได้รับข้อมูลครบถ้วน

 

2.2. ใช้สัญญาจ้างงานที่ชัดเจน (สำหรับหมอนวดและร้านนวด)

• หากเป็นพนักงาน → ระบุชั่วโมงทำงาน, สวัสดิการ, และข้อกำหนดอื่นๆ ให้ชัดเจน

• หากเป็นผู้รับจ้างอิสระ → ระบุว่าไม่ใช่พนักงานของร้าน, รับผิดชอบภาษีเอง, และไม่มีสวัสดิการ

 

2.3. มีนโยบายและคู่มือการทำงาน (Policies & Procedures Manual)

• ระบุแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการให้บริการ การป้องกันการคุกคาม และความปลอดภัยของลูกค้า

 

3. บริหารความปลอดภัยและคุณภาพบริการ

 

ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและข้อพิพาทเรื่องคุณภาพบริการ

 

3.1. ตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่

• ทำให้พื้นไม่ลื่น และมีป้ายเตือนบริเวณที่อาจเสี่ยงต่อการลื่นล้ม

• ดูแลอุปกรณ์นวดให้ปลอดภัย และฆ่าเชื้อหลังใช้งาน

• มีมาตรการฉุกเฉินในกรณีลูกค้าเกิดอาการแพ้หรือเป็นลม

 

3.2. ให้หมอนวดปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ

• ให้หมอนวดผ่านการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐาน

• ห้ามใช้แรงกดมากเกินไปจนลูกค้าได้รับบาดเจ็บ

• ให้หมอนวดสอบถามลูกค้าเสมอว่ารู้สึกสบายหรือไม่

 

3.3. มีนโยบายเกี่ยวกับการล่วงละเมิด (Sexual Harassment Policy)

• ให้หมอนวดและลูกค้าเข้าใจขอบเขตของบริการ

• ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่สาธารณะ (เช่น โถงต้อนรับ) เพื่อป้องกันข้อกล่าวหาเท็จ

 

3.4. จัดการข้อร้องเรียนอย่างมืออาชีพ

• หากลูกค้าร้องเรียน ควรให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วและสุภาพ

• บันทึกข้อร้องเรียนทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดการฟ้องร้อง

 

4. ทำประกันคุ้มครอง

 

แม้ว่าจะป้องกันอย่างดีแล้ว แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ ดังนั้นควรทำประกันที่เหมาะสม

 

4.1. ประกันที่ร้านนวดควรมี

• General Liability Insurance → คุ้มครองอุบัติเหตุของลูกค้าในร้าน

• Professional Liability Insurance (Malpractice Insurance) → คุ้มครองข้อกล่าวหาจากลูกค้า

• Workers’ Compensation Insurance → คุ้มครองหมอนวดในกรณีบาดเจ็บจากการทำงาน

• Property Insurance → คุ้มครองอุปกรณ์และสถานที่จากอุบัติเหตุหรือโจรกรรม

 

4.2. ประกันที่หมอนวดอิสระควรมี

• Professional Liability Insurance → คุ้มครองการถูกฟ้องร้องจากลูกค้า

• Health & Disability Insurance → คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและรายได้ในกรณีเจ็บป่วย

• Business Equipment Insurance → คุ้มครองอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน

 

สรุปแนวทางป้องกันการฟ้องร้อง

 

✅ ปฏิบัติตามกฎหมาย → จดทะเบียนธุรกิจ, ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน และคุ้มครองข้อมูลลูกค้า

✅ มีเอกสารที่ชัดเจน → ให้ลูกค้าลงนามยินยอมรับบริการ, ใช้สัญญาที่ชัดเจนสำหรับหมอนวด และมีนโยบายที่รัดกุม

✅ เพิ่มความปลอดภัยและคุณภาพบริการ → ดูแลความปลอดภัยในร้าน, ฝึกอบรมหมอนวด, และจัดการข้อร้องเรียนอย่างมืออาชีพ

✅ ทำประกันที่เหมาะสม → ทั้งร้านและหมอนวดควรมีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมาย

 

การเตรียมความพร้อมเหล่านี้จะช่วยให้ร้านนวดและหมอนวดลดโอกาสถูกฟ้องร้อง และหากเกิดกรณีฟ้องร้องขึ้นจริง ก็จะสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

©2025 by Nuad Thai and Spa Association of America

bottom of page