โดย มารุต มโนรัตน์
กฎหมาย AB5 (Assembly Bill 5)
เป็นกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ในการแยกแยะระหว่าง พนักงาน (Employee) และ ผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor) เพื่อป้องกันไม่ให้นายจ้างหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบด้านสวัสดิการแรงงานโดยการจ้างงานแบบผู้รับจ้างอิสระแทนพนักงาน
หลักเกณฑ์ของกฎหมาย AB5
กฎหมายนี้ใช้ ABC Test เป็นมาตรฐานในการพิจารณาว่าลูกจ้างเป็นพนักงานหรือผู้รับจ้างอิสระ โดยต้องผ่านทั้ง 3 ข้อดังนี้:
1. A - อิสระจากการควบคุมของนายจ้าง
• ผู้ทำงานต้องมีอิสระในการทำงานโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือทิศทางของนายจ้าง
2. B - งานที่ทำต้องไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของนายจ้าง
• หากงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลักของนายจ้าง บุคคลนั้นควรถือเป็นพนักงาน
3. C - ปกติแล้วผู้ทำงานมีธุรกิจของตนเองในสายงานนี้
• ผู้ทำงานต้องมีธุรกิจของตัวเองที่ให้บริการแบบเดียวกันกับที่ทำให้กับนายจ้าง
หากไม่ผ่านทั้ง 3 ข้อข้างต้น บุคคลนั้นจะต้องถือเป็นพนักงาน ไม่ใช่ผู้รับจ้างอิสระ
ผลกระทบของ AB5
• ธุรกิจที่พึ่งพาผู้รับจ้างอิสระ เช่น บริการขนส่ง (Uber, Lyft), นักเขียนฟรีแลนซ์, ครูสอนพิเศษ และอาชีพอื่นๆ ได้รับผลกระทบ เพราะต้องเปลี่ยนสถานะผู้รับจ้างอิสระเป็นพนักงาน
• บริษัทต้องให้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ ประกันสังคม วันหยุด และสิทธิอื่นๆ
• มีข้อยกเว้นสำหรับบางอาชีพ เช่น แพทย์ ทนายความ นักบัญชี และนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถยังคงเป็นผู้รับจ้างอิสระได้
การแก้ไขเพิ่มเติม – กฎหมาย AB2257
เนื่องจาก AB5 ได้รับการคัดค้านจากหลายฝ่าย จึงมีการออกกฎหมาย AB2257 ในปี 2020 เพื่อขยายข้อยกเว้นและปรับปรุงเกณฑ์บางส่วน
หากร้านนวดต้องการให้หมอนวดเป็น ผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor) และไม่เข้าข่ายเป็น ลูกจ้าง (Employee) ตามกฎหมาย AB5 ของแคลิฟอร์เนีย จะต้องมั่นใจว่าหมอนวดผ่าน ABC Test ซึ่งเป็นเกณฑ์หลักของกฎหมาย โดยเฉพาะข้อ B ที่ระบุว่างานของผู้รับจ้างอิสระต้องไม่ใช่งานหลักของธุรกิจ ซึ่งเป็นจุดที่อาจทำให้ร้านนวดมีความเสี่ยง
วิธีลดความเสี่ยงในการทำผิดกฎหมาย AB5
1. ให้หมอนวดทำงานอย่างอิสระจริงๆ (ผ่านข้อ A)
• หมอนวดต้องสามารถกำหนดเวลาทำงานของตัวเองได้
• ร้านไม่ควรควบคุมรายละเอียดวิธีการทำงานของหมอนวด
• ไม่ควรกำหนดว่าหมอนวดต้องสวมเครื่องแบบของร้าน
2. เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ข้อ B
• ตามกฎหมาย AB5 งานของผู้รับจ้างอิสระต้องไม่ใช่งานหลักของธุรกิจร้านนวด ซึ่งเป็นข้อที่ท้าทายมาก
• วิธีแก้ไขที่เป็นไปได้:
• ให้ร้านเปลี่ยนบทบาทเป็น “สถานที่ให้เช่า” (Rental Model) โดยให้หมอนวดเช่าห้องหรือเตียงนวดและทำธุรกิจของตัวเอง
• หมอนวดต้องตั้งราคาของตัวเองและรับลูกค้าเองโดยตรง
• ร้านเก็บค่าเช่ารายวัน/รายเดือน แทนการแบ่งรายได้จากลูกค้า
3. ให้หมอนวดจดทะเบียนธุรกิจของตัวเอง (ผ่านข้อ C)
• หมอนวดควรมี ใบอนุญาตธุรกิจของตนเอง เช่น Sole Proprietor หรือ LLC
• หมอนวดสามารถให้บริการกับหลายร้าน ไม่ใช่แค่ร้านเดียว
4. ทำสัญญาผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor Agreement)
• ระบุให้ชัดเจนว่าหมอนวดไม่ใช่ลูกจ้าง และรับผิดชอบภาษีของตัวเอง
• ไม่ควรมีเงื่อนไขที่แสดงว่าร้านควบคุมหมอนวดเหมือนพนักงาน เช่น การกำหนดเวลาทำงาน หรือวิธีให้บริการ
5. อย่าจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมง
• หากร้านจ่ายเงินตามชั่วโมง จะเป็นหลักฐานที่เข้าข่ายว่าเป็นลูกจ้าง
• ควรให้หมอนวดคิดราคาค่าบริการของตนเอง และรับเงินจากลูกค้าโดยตรง
ข้อควรระวัง
• แม้ว่าจะทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างอิสระ แต่ถ้าร้านยังคงควบคุมการทำงานของหมอนวดเหมือนลูกจ้าง ก็อาจถูกจัดเป็นลูกจ้างตามกฎหมายได้
• หากรัฐตรวจสอบและพบว่าหมอนวดควรเป็นพนักงาน ร้านอาจถูกปรับและต้องจ่ายค่าชดเชยย้อนหลัง เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ ประกันสังคม และค่าล่วงเวลาดังนั้น หากร้านนวดต้องการหลีกเลี่ยงปัญหากับกฎหมาย AB5 ควรปรึกษาทนายความด้านแรงงานเพื่อวางโครงสร้างธุรกิจที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย